คนท้องทำงานอย่างไร ให้ปลอดภัย

  คุณแม่ตั้งท้องที่ยังคงต้องทำงานอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการทำงานนอกบ้านหรือแม้แต่งานบ้านควรระมัดระวังตัวเองอย่างมาก เพราะร่างกายที่มีการเปลี่ยนแปลงฮอร์โมนสูงอาจทำให้คุณแม่เกิดความตึงเครียดจนส่งผลต่อลูกในท้องได้ ดังนั้นการทำงานแต่ละอย่างต้องระมัดระวังข้อต่อไปนี้กันค่ะ

ข้อที่ 1 ห้ามนั่งหรือยืนเป็นเวลานาน!

  ในที่นี้ไม่ได้หมายความว่าคุณแม่ห้ามนั่งพักนะคะ เพียงแต่ต้องเปลี่ยนท่านั่งอยู่บ่อยๆ และไม่ควรยืนเป็นเวลานาน เพราะร่างกายที่ถูกกดทับอยู่นานไม่ว่าเป็นช่วงเท้าและขาส่งผลให้เกิดอาการบวมได้ง่ายๆ เพราะร่างกายคนท้องเลือดไหลเวียนได้ไม่ดีจึงต้องระวังเป็นพิเศษนะคะ

ข้อที่ 2 ห้ามยกของหนัก!

  ไม่ว่าจะเป็นงานแบบไหนการยกของที่มีน้ำหนักห้ามสำหรับแม่ท้องเลยค่ะ เพราะของที่กำลังยกอาจกดทับช่วงบริเวณท้องซึ่งทำให้เกิดความกดดันและอาจเป็นอันตรายกับลูกในท้องได้ ดังนั้นงดงานที่ต้องยกของหนักไว้เลยนะคะ

ข้อที่ 3 ระวังการลื่นล้ม!

  หากคุณแม่เกิดอุบัติเหตุล้มส่งผลอันตรายกับลูกในท้องได้เช่นกัน ดังนั้นจึงต้องงดงานที่มีโอกาสวิ่งอยู่ตลอดรวมไปถึงงานบ้านเช่นการถูพื้น เพราะพื้นหลังจากการถูมีความลื่นสูงก็ทำให้คุณแม่เกิดอุบัติเหตุได้ง่ายๆ เช่นกัน

ข้อที่ 4 ห้ามพักผ่อนน้อย!

  อาจฟังดูเหมือนเป็นข้อธรรมดาแต่ข้อนี้อันตรายกับลูกในท้องเราอย่างมากค่ะ เพราะการทำงานอย่างหักโหมจนทำให้คุณแม่นอนดึกและพักผ่อนน้อยกว่า 7 ชั่วโมงต่อวัน ส่งผลต่อพัฒนาการลูกที่ช้าลงและเติบโตช้านำไปสู่การเกิดมาน้ำหนักน้อยอีกด้วยค่ะ

ข้อที่ 5 ห้ามใส่ส้นสูง!

  แม่ท้องที่ทำงานควรรองเท้าพื้นแบนที่สะดวกสบายต่อการเดิน เพราะการใส่ส้นสูงจะทำให้การรับน้ำหนักช่วงเท้าและน่องมีความสูงซึ่งนำมาสู่อาการตะคริวและเท้าบวมได้ อีกทั้งช่วงตัวที่ต้องแบกรับน้ำหนักท้องอาจทำให้ทรงตัวบนรองเท้าได้ไม่ได้และเกิดอุบัติเหตุลื่นล้มได้ค่ะ

ข้อที่ 6 ระวังการสูดดมสารเคมี!

  งานบ้านบางอย่างที่ต้องมีโอกาสสูดดมสารเคมีกลิ่นแรงจัด เช่น น้ำยาล้างห้องน้ำ น้ำยากำจัดแมลง กลิ่นและสารเคมีที่สูดดมเข้าไปส่งผลกระทบกับลูกในท้องของเราอย่างมาก แม่ควรงดงานบ้านที่อาจต้องสูดสารเคมีเหล่านี้ไว้นะคะ

  นอกจากข้อระวังทั้ง 6 อย่างนี้แล้ว ในช่วงที่ตั้งท้องพยายามอย่าทำงานหักโหมมากจนเกินไปจนลืมดูแลตัวเอง ทานอาหารให้ครบโภชนาการและดื่มน้ำให้เพียงพอ เพื่อสุขภาพที่แข็งแรงเพื่อลูกในท้องควบคู่ไปกับการทำงานนะคะ

“การใส่ใจสิ่งเล็กๆ ล้วนส่งผลดีต่อลูกเสมอ”